ณ วันที่เราเขียนบทความนี้ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กลับมารับหน้าที่เป็น “กรรมกรข่าว” ที่บอกกล่าวเล่าเรื่องและข่าวสารต่างๆ บนหน้าจอในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ และเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ได้ร่วมเดือนกว่าแล้ว หลายคนบอกว่าการกลับมาของเขานั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่าข่าว การทำงานกับพิธีกรร่วมอย่างไบร์ท-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยและรับส่งการอ่านข่าวกันได้อย่างแนบสนิทซึ่งชวนให้เรานึกถึงวันเก่าๆ ที่ต้องรีบไปโรงเรียนหรือไปทำงานให้ทันก่อนจบรายการ แต่สิ่งหนึ่งที่กรรมกรข่าวคนนี้ “ไม่เหมือนเดิม” ในสภาวะที่ประชาชนตั้งคำถามกับฐานันดรที่ 4 อย่างสื่อมวลชนคือ การนำเสนอข่าวอย่างคลอบคลุมแทบทุกเรื่องอย่างตรงไปตรงมา เราอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่เท่าที่เราไล่กดรีโมทดูข่าวในทีวีหลายต่อหลายช่องมักจะมีแต่ข่าวที่ถูกเล่าจริงๆ อยู่ไม่กี่เรื่อง อย่างช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องที่ควรจะถูกพูดถึงก็น่าจะเป็นการแก้ปัญหาโรคระบาดใหญ่ที่ส่งผลต่อคนทั้งประเทศ คำตอบเรื่องวัคซีนที่ประชาชนควรจะได้ หรือเรื่องเงินกู้ที่ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในรัฐสภา แม้กระทั่งการสูญหายไปครบหนึ่งปีของนักกิจกรรมที่ถูกลักพาตัวไปโดยเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ข่าวที่ถูกเทเวลาอย่างเต็มที่กลับเป็นการจับกุม “เซเลปบ้านกกกอก” ที่กลายเป็นฆาตกรผู้ฆ่าเด็กหญิงวัยสามขวบอย่างเลือดเย็น ที่บางช่องเล่นอย่างน้อยหนึ่งเบรค บางช่องก็เล่นซะครึ่งรายการ อุทิศเวลาจนหมดไปครึ่งรายการก็มี หากกับสรยุทธแล้ว ไม่เพียงแต่แสดงทรรศนะถึงการรายงานข่าวที่ “ไม่สร้างสรรค์” และการรายงานข่าวจนเป็นการสร้าง Agenda Setting หรือวาระสำคัญในการสื่อสารให้กับสังคม ซึ่งมันคือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในการนำเสนอข่าว แต่เขายังรายงานข่าวที่ “ควร” จะต้องรายงานมากกว่าเทเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งของเรื่องเล่าเช้านี้ให้กับข่าวที่ควรจะถูกพูดถึงให้สังคมวงกว้างได้รับรู้จริงๆ ดังนั้นข้อเรียกร้องต่างๆ ของนักกิจกรรมทางการเมือง ความเคลื่อนไหวของวัคซีนโควิด-19 และเสียงจากประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ ซึ่งการนำเสนอข่าวอื่นๆ เป็นหลักใหญ่ใจความกลับได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากโลกโซเชียล รวมถึงชาวเน็ตก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับจุดยืนในการทำงานของสื่ออื่นๆ เช่นกัน จริงๆ แล้วรายการของสรยุทธยังนำเสนอเรื่องบ้านกกกอกอยู่บ้างตามความคืบหน้าของคดี แต่ก็เลือกนำเสนอบนพื้นฐานความพอดีและอยู่ในขอบข่ายที่ไม่ขายข่าวและนำเสนอเป็น “มหรสพ” ความบันเทิงของผู้ชม ซึ่งเป็นความพอดีและจุดยืนสำคัญอย่างที่ “กรรมกรข่าว” ตัวจริงยึดถือเสมอมา อย่างที่เขาได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวของ “เซเลปบ้านกกกอก” ท่านนั้นที่เว็บไซต์ส่องสื่อได้สรุปมาแล้วว่า “เราไม่ได้กำลังนำเสนอผู้ชายที่ชื่อลุงพลในฐานะเซเลปคดีฆาตกรรม คือถ้าเราไปนำเสนอว่าลุงพลไปกินข้าว ลุงพลไปอาบน้ำ ลุงพลไปเดินแบบ อันนั้นมันอีกมุมหนึ่ง แต่ผมกำลังพูดถึงคดีอาชญากรรมของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง” อ้างอิง: ถ่ายทอดสดบนเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว วันที่ 4 มิถุนายน 2564 ถอดความโดยเว็บไซต์ส่องสื่อ |