ชีวิตชีวา คือร้านคาเฟ่ขนมหวานอันดับหนึ่งของเชียงใหม่ คำพูดนี้ไม่ได้เกินเลยเมื่อวัดจากการเติบโตของร้านในเวลา 4 ปี ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วอย่างมากสำหรับร้านค้าเล็กๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งการขยายสาขาในตัวเมืองเชียงใหม่ทั้ง 3 สาขา หรือการเปิดหน้าร้านในจังหวัดพิษณุโลก หรือกรุงเทพมหานครในย่านใจกลางเมือง และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึงขีดสุดคือ การเปิดสาขาในต่างประเทศครั้งแรกที่ไทเป, ไต้หวัน ดาวเด่นของร้านคาเฟ่ขนมหวานเล็กๆ ร้านนี้คือ น้ำแข็งไสเกาหลีหรือบิงซู ที่กลายเป็นเมนูเอกลักษณ์อันเป็นลายเซ็นที่โดดเด่นของร้าน รวมถึงขนมหวานและเครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบ ในบรรยากาศโทนร้านสีขาว และการตกแต่งร้านสบายๆ ในแบบมินิมอล ฉันพบแพร-กันติชา สมศักดิ์ เจ้าของร้านชีวิตชีวาในบรรยากาศสบายๆ ของร้านในช่วงสายวันอาทิตย์ เธอนำ Cheeva Paradise หนึ่งในเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านที่มีความเปรี้ยวหวานอย่างพอเหมาะพอดีให้ฉันลองชิม เครื่องดื่มหมดแก้ว-ก่อนฉันจะชิมขนมหวาน เรามาลองฟังสูตรลับของคุณแพร และ Secret Ingredients สำคัญ ที่ทำให้ชีวิตชีวาคือร้านคาเฟ่ขนมหวานที่กลายเป็นที่รักของนักทานขนมหวานทั้งในระดับจังหวัด และระดับประเทศ
มือใหม่ในวงการขนมแพรเป็นหนึ่งในสามพี่น้องทายาทของชีวาสปา กิจการสปาของครอบครัว ด้วยฐานะลูกคนโตที่เพิ่งจบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เธอจึงถูกทาบทามจากคุณแม่ให้รับช่วงต่อในการดูแลกิจการสปาของที่บ้าน แต่ติดอยู่ที่ว่าเธออยากลองทำตามความฝันของตัวเอง ด้วยการเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ เธอจึงเริ่มต้นความฝันของเธอด้วยการเริ่มธุรกิจขนมอบ “ด้วยความที่เราช่วยงานที่บ้านมาเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัยเรียน ม.3 เรารู้สึกว่าเราชอบงานบริการนะ แต่เราไม่ชอบที่จะต้องมาทำสปาหรืออะไรที่รักสวยรักงาม ก็เลยลองไปหัดเรียนขนม เริ่มจากทำตามสูตรในอินเทอร์เน็ตแล้วก็รู้สึกชอบ เลยไปลงเรียนคอร์สทำขนมเล็กๆ ขั้นพื้นฐานค่ะ พอไปเรียนแล้วก็ลองกลับมาทำ จนเริ่มทำขนมส่งขายตามร้านกาแฟ เราก็รู้มีคนชอบขนมของเรา เลยเริ่มขายลงอินสตาแกรม แล้วก็มีออกบูธตามงานอีเวนต์บ้าง “จนพอได้มีโอกาสมาทำสปาสาขาที่สอง ที่ถนนศิริมังคลาจารย์ก็เห็นโอกาสว่า มันเป็นพื้นที่ที่สามารถทำเป็นร้านคาเฟ่ได้ และทำกิจการสปาควบคู่ไปได้ทั้งสองอย่าง เราจะได้มีร้านขนมเล็กๆ ตามความฝันของเรา แล้วก็ได้ดูแลธุรกิจของทางบ้านไปด้วย แต่ทีนี้เราก็มามองว่า แต่มันจะเป็นแค่ร้านขนมคาเฟ่ กาแฟ เฉยๆ ไม่ได้ เพราะเชียงใหม่มีร้านกาแฟ ร้านขนมเยอะมาก ก็เลยมองหาสิ่งที่จะดึงลูกค้ามาที่ร้านเรา จนเจอบิงซูที่เกาหลีค่ะ มันเหมือนน้ำแข็งไสของบ้านเราแต่มันต่างตรงขั้นตอนการผลิต และวัตถุดิบที่ใช้ เลยตัดสินใจลองทำ” แพรเล่าถึงจุดเริ่มต้นในเส้นทางสายขนมหวานของเธอ
น้ำแข็งไสรสหวานเป็นความบังเอิญทีแพรไปเจอเครื่องทำบิงซูจากงานแฟร์แห่งหนึ่ง จนตัดสินใจซื้อในที่สุด แต่อย่าลืมว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำบิงซูในประเทศไทย ขนมหวานเกาหลีชนิดนี้ยังแพร่หลายอยู่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แพรจึงลองผิดลองถูกอยู่กว่า 6 เดือน จนได้สูตรบิงซูที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนชาวเกาหลีของเธอ ตั้งแต่ติดต่อร้านเพื่อขอวิธีการติดตั้งและใช้งานเครื่องบิงซู การค้นหาสูตรจากอินเทอร์เน็ต หรือครอบครัวที่ช่วยชิมตั้งแต่สูตรแรกจนถึงสูตรที่ลงตัวที่สุด มีเนื้อบิงซูแล้ว แต่ก็ยังขาดเอกลักษณ์บางอย่างที่ทำให้บิงซูของเธอโดดเด่น แพรจึงตัดสินใจเลือกสิ่งที่เธอชอบทานมาปรับแต่งให้เข้ากับบิงซู รวมถึงการยืมลายเซ็นของชีวาสปา เป็นเมนูเปิดตัวของร้านชีวิตชีวา นั่นคือ บิงซูข้าวเหนียวมะม่วง ที่กลายเป็น Signature Dish สำคัญของชีวิตชีวา “เมนูแรกที่ออกจะเป็นบิงซูข้าวเหนียวมะม่วง เพราะว่าที่เวลาลูกค้าใช้บริการสปาเสร็จ เราจะเสิร์ฟข้าวเหนียวมะม่วงให้ลูกค้าทาน เราเลือกนำมันมาปรับให้เป็น Combination ระหว่างร้านใหม่กับสปาของครอบครัว ส่วนเมนูที่เพิ่มมาก็จะยืดตัวแพรเองเป็นหลักว่าอยากหรือชอบทานอะไร ที่ลูกค้าจะอร่อยและทานได้เรื่อยๆ ไม่เลี่ยน ไม่หวานจนเกินไป เลยเลือกเป็นสตรอเบอรี่ชีสเค้กและไมโลค่ะ” ว่าแล้วบิงซูข้าวเหนียวมะม่วงก็มาเสิร์ฟตรงหน้าฉัน มะม่วงชิ้นใหญ่ หวานและไปกันได้ดีกับน้ำแข็งไสจากนมที่ไม่ได้หวานมากจนเกินไป ยิ่งเมื่อได้ทานกับข้าวเหนียวมูนโรยหน้าอัลมอนด์สไลซ์ องค์ประกอบทั้งหมดทำให้บิงซูถ้วยนี้อร่อยอย่างลงตัวจริงๆ นอกจากเมนูประจำแล้ว ชีวิตชีวาจะมีเมนูใหม่ๆ ทุกสามเดือนที่สอดรับกับเทรนด์อาหารในช่วงเวลาต่างๆ ทั้งบิงซูทุเรียนที่มีทุเรียนเป็นเม็ดจริงๆ เสิร์ฟมาในจาน (สนนราคาอยู่ที่สามร้อยกว่าบาทไทยเองนะ!) บิงซูบัวลอยไข่เค็ม ที่ผู้รับประทานสามารถเทไข่เค็มเหลวได้เอง ทานคู่กับบัวลอยและบิงซูน้ำกะทิ บิงซูเอิร์ลเกรย์พร้อมไข่มุก และเยลลี่ไข่มุกที่มีรสชาติเข้มข้นของชานมจริงๆ หรือที่หน้าร้านในแต่ละสาขา จะมีเมนูให้บริการไม่เหมือนกัน บางสาขามี บางสาขาไม่มี เช่นบิงซูเมล่อนที่เสิร์ฟในสาขาสตาร์อเวนิวอาเขต-เชียงใหม่ เท่านั้น แพรบอกว่า นี่คือกลยุทธ์หนึ่งที่อยากให้ลูกค้าใช้บริการชีวิตชีวาอย่างทั่วถึงทุกสาขา
โตเร็ว โตไว โตอย่างยั่งยืนหน้าร้านชีวิตชีวาสาขาแรกที่ซอยกรรไกรทอง ถนนศิริมังคลาจารย์ เปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2558 เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่สื่อสังคมออนไลน์ได้รับความนิยมมาก เมื่อชีวิตชีวาเปิดร้านในช่วงแรกมีลูกค้ามาใช้บริการอย่างไม่ขาดสาย เสียงชื่นชม คำวิจารณ์เชิงบวกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างน่าตกใจ จนทำให้แพรตัดสินใจเปิดหน้าร้านสาขาที่สองในเวลาเพียงหกเดือนเท่านั้น “ตอนนั้นมีบล็อกเกอร์ มีแฟนเพจช่วยรีวิวด้วย เลยเกิดกระแสปากต่อปากจนมีคนต่อแถวเยอะมากจนเรารับมือไม่ทัน จนเราได้คอมเพลนหลักๆ อยู่สองเรื่องคือ หนึ่ง-ที่จอดรถไม่มีเพราะพื้นที่สปาเราเล็ก สอง-ร้อน เพราะร้านเล็กมาก พอเจอปัญหาตอนนั้นเราก็แก้ไข ก็คือเข้าไปดูแลลูกค้า พยายามเข้าไปสอบถาม ติดต่อ หรือโทรไปปรับความเข้าใจกับลูกค้าว่าเกิดจากอะไร ส่วนนี้คือสิ่งสำคัญที่แพรได้มาจากการดูแลลูกค้าที่สปามาก่อน จากนั้นอีกอาทิตย์นึงก็ปรับจนเข้าที่เข้าทาง” การขยายสาขาของร้านขนมเล็กๆ ในเวลาอันรวดเร็วเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายแล้ว แต่ยังมีเรื่องสำคัญที่ทำให้ชีวิตชีวาเดินทางไกลไปถึงต่างแดน นั่นคือ การขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ร่วมทุน เพื่อเปิดร้านในเมืองไทเป ไต้หวัน “เราเริ่มจากร้านเล็กๆ ที่ไม่มีระบบที่แน่นหนามาก แต่ด้วยความที่หุ้นส่วนเข้าใจ และรู้ระบบการจัดการของเรา แต่เขาก็รักและเชื่อมั่นว่า เราจะทำให้มันโตขึ้นได้ คือเขาชอบมากจนมาทานทุกวัน แล้วเขาบอกเราว่าอยากเอาไปเปิดที่ไทเป งั้นเรามาร่วมหุ้นกันไหม’ เราก็ไปไทเปมาเดือนกว่าเพื่อไปดูตลาด จนรู้สึกว่ามันเป็นไปได้” การเปิดร้านที่ไทเปอาจมีอุปสรรคบ้างทั้งในด้านภาษา วัตถุดิบ หรือข้อจำกัดด้านกฎหมาย แต่ด้วยความช่วยเหลืออย่างดีจากหุ้นส่วน ทำให้ปัญหาทุกอย่างถูกแก้ จนชีวิตชีวาในไต้หวันเปิดให้บริการมากว่าหนึ่งปีแล้ว และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไต้หวันอย่างมาก และยิ่งเป็นการตอกย้ำความแข็งแรงของแบรนด์ชีวิตชีวา ทำให้ชีวิตชีวาเข้าสู่กรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ ที่โครงการสยามสแควร์วันเป็นสาขาแรกในปีที่ผ่านมา ก่อนจะขยายสาขาไปที่โครงการ The Circle ราชพฤกษ์และเมกะบางนา รวมถึงเตรียมขยายสาขาไปยังห้างสรรพสินค้าใหญ่ทั้งเซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลอิสต์วิลล์ เซ็นทรัลเวสเกตและอีกหลายแห่ง รวม 13 สาขาภายในปี 2562 ถึงแม้ว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ชีวิตชีวาจะเติบโตเร็วอย่างก้าวกระโดดเพียงใด หรือจะมีร้านบิงซูเกิดขึ้นมาเป็นคู่แข่งมากมายขนาดไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ชีวิตชีวาอยู่ได้อย่างยั่งยืนจนถึงวันนี้คือ คุณภาพของสินค้าและบริการ “จริงๆ เราไม่ได้มองคู่แข่ง (หัวเราะ) เราไม่ได้มองว่าคนนั้นจะลอกหรือคล้ายเรา แต่เรามองว่ารสชาติของเราที่เราเสิร์ฟให้ลูกค้ามันโอเคใช่มั้ย ลูกค้าชื่นชอบของเราใช่มั้ย เราก็จะดีใจที่บางทีลูกค้ามาทานแล้วก็จะเกิดการเปรียบเทียบ บางทีเราอยู่หลังร้านก็จะแอบได้ยิน ว่าแบบร้านนี้อร่อยมากเลย เราก็รู้สึกว่าอย่างน้อยสิ่งที่เราทำมาตลอดลูกค้าก็ชื่นชอบ และถ้าคิดถึงบิงซูก็จะคิดถึงชีวิตชีวา” แพรตอบฉัน
เผยแพร่ครั้งแรกในเว็บไซต์ bottomlineis.co | กรกฎาคม 2562 |