ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยผ่านวันวานที่เราเจ็บปวด จากการที่วงดนตรีที่เรารักแยกทางกันไปทำหน้าที่อื่นๆ ของตัวเอง เพราะหลายวงก็ได้สร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ หลายวงก็ได้สร้างผลงาน Masterpiece ไว้ จนเรารู้สึกเศร้าใจและเสียดายที่บางวงน่าจะอยู่ได้นานกว่านี้ วงดนตรีที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นี้ เมื่อ 8 ปีที่แล้ว วงได้ประกาศการแยกทางกันที่ต่างคนต่างเศร้าใจและรู้สึกใจหาย เพราะวงได้สร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งภาคดนตรี การร้อง และเนื้อหาที่ต่างเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนก่อนจะส่งอัลบั้มสุดท้าย และคอนเสิร์ตปิดตำนานวงในเวลาต่อมา เมื่อ 2 ปีที่แล้วกับการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในรอบ 8 ปี การรวมตัวต่างทำให้ทุกต่างดีใจและจับตามองว่า วงจะกลับมาในทิศทางไหน ในวันที่แนวเพลงเปลี่ยนไปจากเดิม จะสร้างผลงานอย่างไรให้ครองใจคนได้อีกครั้ง Photo Courtsey of GMM Grammy
และวงนั้นที่กลับมาอีกครั้งนั้นก็คือวง Clash Loudness คือดิจิตัลอัลบั้มเต็มในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่อัลบั้ม Nine Miss U 2 ที่เป็นอัลบั้มปิดตำนานของวง ซึ่งอัลบั้มนี้คือการที่สมาชิกวงอย่าง แบงค์, ยักษ์, สุ่ม, พล และแฮ็ค กลับมาร่วมกันทำวงและโปรดิวซ์เพลงในอัลบั้มนี้กันทั้งหมด จนกลายเป็นอัลบั้มที่ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ที่สมาชิกแต่ละคนต่างตกผลึกจากประสบการณ์การทำงาน ทำให้เราได้เห็นว่า Clash ในยุคนี้จะมีรูปแบบอย่างไร ประกอบการเลือกศิลปินทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอย่าง บอย Lomosonic (อริย์ธัช พลตาล), จุลโหฬาร, แทน Lipta (ธารณ ลิปตพัลลภ), ข้าว Fellow Fellow (ปณิธิ เลิศอุดมธนา), F.Hero (ฟักกลิ้ง ฮีโร่: กอล์ฟ–ณัฐวุฒิ ศรีหมอก), Portrait (ปอย–ตวัน ชวลิตธำรง) และศิลปินเพื่อชีวิตอย่างปู–พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ที่เข้ามามีส่วนร่วมในอัลบั้มนั้นทำให้เราต่างตั้งคำถาม ตื่นเต้นและจับตามองว่าอัลบั้มนี้จะออกมารูปแบบอย่างไร Photo Courtsey of Grand Musik, GMM Grammy
Track by Trackเสียงแห่งความหวัง (Loudness)เปิดอัลบั้มด้วยรสชาติของดนตรีแบบ Modern Rock ที่พูดถึงการตามความฝันที่ต้องให้เหนื่อยล้าแค่ไหน ยากเย็นเท่าไหร่ แต่ถ้าเสียงหัวใจยังเต้นอยู่ก็ยังมีความหวัง เป็นเพลงเร็วที่อัดแน่นไปทุกองค์ประกอบของเพลงร็อคบวกกับเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวและคิดว่าตอนเล่นสดต้องเป็นเพลงที่สนุกมากๆ บอกดรอปดีกรีมาเป็นเพลงช้าที่พูดถึงต่างฝ่ายต่างรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราไม่เหมือนเดิม แต่เลือกที่จะไม่พูดออกมาจนอยากให้เขาบอกว่าเราทั้ง 2 คนไม่ได้รักอีกแล้ว เป็นเพลงช้าที่มีเอกลักษณ์ของวงชัดเจนชนิดที่อินโทรขึ้นก็รู้ว่าเป็นวง Clash แต่ยังมีแนวทางการทำเพลงที่เป็นสมัยใหม่ผสมอยู่ วันนั้นของพี่ วันนี้ของน้องเพลงช้าที่ได้ ปู–พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ นักร้องเพื่อชีวิตที่ทุกคนรู้จักกันมาร่วมสร้างสีสันในเพลง กับเนื้อหาเพลงรักที่ให้ข้อคิดแบบพี่สอนน้องว่าต้องให้เจ็บช้ำกับความรักมากี่ครั้ง มากแค่ไหน แต่ประสบการณ์จะสอนเราและสุดท้ายเราต้องรักตัวเอง มาพร้อมกับดนตรีร็อคที่ผสมกลิ่นอายเพลงเพื่อชีวิต สิ่งที่น่าสนใจคือการโต้ตอบกันระหว่างกีตาร์กับ Accordian ในท่อนโซโล่ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวและน่าสนใจ ไม่มีอะไรต้องกลัวเข้าสู่โหมดเพลงเร็วแบบดุดันที่ได้ F.Hero มาร่วมแรปในเพลงกับเนื้อหาให้กำลังใจ ที่อยากให้ผู้ฟังรับรู้ว่าต่อให้มีเรื่องท้อใจ เหนื่อยล้าและมีความกลัวต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแต่ประสบการณ์ของเราจะสอนให้เราสู้โดยไม่มีอะไรต้องไปกลัว มาพร้อบกับดนตรีกลิ่นอาย Nu-Metal และลูกโซโล่แบบกีตาร์ประสานที่สร้างความเผ็ดร้อนมากยิ่งขึ้น มูเตลูเพลงเร็วสุดชิลที่พูดถึงการเฝ้าหาความรักที่ยังไม่เจอพร้อมกับเอาเรื่องราวความเชื่อเข้ามาสร้างสีสันในเชิงว่า ขนาดเราบนบานศาลกล่าวก็แล้ว เปลี่ยนเบอร์มือถือก็แล้ว แต่ทำไมไม่เจอความรักสักที ที่สำคัญเพลงนี้ได้ แทน Lipta และข้าว Fellow Fellow เข้าดูแลทั้งเนื้อหาและการเรียบเรียงอีกด้วย กลายเป็นเพลงที่มีความน่ารักและสดใสมากขึ้นกว่าเดิม เพราะรัก (ปฏิญาณ)เพลงช้าสุดซึ้งที่ตัววงตั้งใจแต่งเพลงนี้มอบให้แฟนคลับที่อยู่กับวงมานาน อีกหนึ่งความพิเศษของเพลงนี้คือการได้ฟองเบียร์ (ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม) นักแต่งเพลงชื่อดังที่ฝากเพลงฮิตมากมายมาช่วยเขียนเนื้อร้อง จนกลายเป็นเพลงพิเศษที่มอบให้แฟนคลับที่อยู่กันมาตั้งแต่วันแรกของ Clash Photo Courtsey of Grand Musik, GMM Grammy
ยิ้มอ่อนเพิ่มจังหวะเพลงสักนิดกับเพลงเร็วชวนโยกกับเนื้อหาประชดประชันสังคมปัจจุบัน ที่หลายๆ เรื่องเราคงทำได้แค่ยิ้มอ่อนแล้วปล่อยไป เป็นอีกเนื้อหาหนึ่งที่ตัววงถนัดเขียนมาแต่ไหนแต่ไร แต่ลดความเกรี้ยวกราดจากเพลงเก่าๆ ที่เคยทำมาอย่างใส่ร้ายป้ายสี หรือสัจอธิษฐาน ฟ้าไม่เป็นใจเพลงมีเดียมชวนโยกกับเนื้อหาที่ว่า ทำไมไม่เจอรักแท้สักที ทำไมต้องเจอความเจ็บช้ำหรือเป็นเพราะฟ้าไม่เป็นใจกับเราในตอนนี้ มาพร้อมกับดนตรีหนักแน่นแต่ฟังง่าย อีกทั้งการได้นักร้องพลังงานสูงอย่างบอย Lomosonic มาร่วมสร้างสีสันให้ภาพรวมของเพลงมีความหนักแน่น เข้าถึงอารมณ์มากขึ้น ในนามแห่งความรักอีก 1 แทร็คสุดเซอร์ไพรส์กับการผสมกันทางดนตรีระหว่างร็อคกับโฟล์คแบบอีสาน ที่ได้จุลโหฬาร วงโฟล์คอีสานชื่อดังมาร่วมสร้างสีสันกับเนื้อหาที่พูดถึงคนเราต่างมีด้าน 2 ด้าน มีด้านดีกับด้านเลวปะปนกันอยู่ บางคนอาจมองว่าเราไม่ใช่คนดีเพราะอาจจะมองผิวเผินแต่สำหรับคนที่เรารักนั้น เราก็มีมุมที่ดีกับเขา สุดท้ายมันก็อยู่ที่มุมมองของคนรอบข้างเพราะเราก็แค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง บวกกับดนตรีที่สามารถผสมได้อย่างลงตัวและไม่เสียตัวตนจนกลายเป็นมิติใหม่ของวงไปเลย Photo Courtsey of Grand Musik, GMM Grammy
หลงทางเพลงช้าปิดอัลบั้มที่ได้ ปอย Portrait มาร่วมเขียนเนื้อเพลงให้ มาพร้อมกับเนื้อหาและอารมณ์สุดดิ่งที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเสียงของคนผิดหวังจากความรักที่ผ่านมาจนหลงทางที่จะกลับไปหาคนรักคนเดิมได้อีก เป็นเพลงปิดอัลบั้มที่ดิ่งที่สุดในอัลบั้มไปเลย
ภาพรวมของอัลบั้ม Loudness อัลบั้มเต็มในรอบ 10 ปีของวง Clash สร้างความน่าสนใจในวันที่ต่างคนต่างเคยแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตัวเองในบทบาทอื่น และกลับมารวมตัวกันอีกครั้งทำให้อัลบั้มนี้บ่งบอกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของแต่ละคนว่า พวกเขาได้ตกผลึกและสร้างรสชาติใหม่ๆ เข้ามาสอดแทรกในแต่ละเพลง แต่ยังไม่สูญเสียตัวตนของตัวเองจนเป็นอะไรที่ลงตัวและมีมิติใหม่ หลายเพลงก็มีกลิ่นอายแบบเดิมที่เราคิดถึงกัน แต่ถูกปรับให้เข้ากับยุคสมัยใหม่มากขึ้น ประกอบการเลือกศิลปินมาสร้างสีสันก็เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นกับการได้เห็นขีดจำกัดของวงว่าไปอยู่จุดไหนและการเห็นวงสร้างสีสันภายใต้แนวดนตรีอื่นที่มาผสมผสานกันจนเรารู้สึกว่าอัลบั้มนี้นอกจากเป็นอัลบั้มที่ต้อนรับการกลับมาของวงแล้วนั้น น่าจะเป็นอัลบั้มที่กล้าทดลองกับดนตรีแขนงอื่นว่าตัววงสามารถทำได้ลงตัวมากน้อยแค่ไหนอีกต่างหาก Photo Courtsey of Bank Clash Facebook Fanpage, Grand Musik, GMM Grammy
ท้ายที่สุดการกลับมาของวง Clash ในรอบ 10 ปี จะเป็นคำตอบของทุกคำถามในการกลับมาครั้งนี้ และจะเป็นผลงานที่ทั้งแฟนคลับหน้าเก่า หน้าใหม่ที่ต่างรู้จักวงนี้ต้องเข้ามาฟังด้วยตัวเองและมาตอบคำถามตัวเองว่าชอบมากน้อยแค่ไหน วง Clash ใน พ.ศ. นี้จะใช่กับเราหรือไม่ แต่ทั้งนี้สำหรับใครที่โหยหาเพลงร็อคที่อย่างผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อได้ฟังก็ทำให้หัวใจเราพองโตกับการที่วงที่เราเคยฟังเคยติดตามในวัยเด็กกลับมาทำเพลงอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง มันทำให้เรายิ่งอยากเชียร์ให้วงร็อคอีกหลายวงเลือกที่จะสร้างผลงานให้มีความน่าสนใจและสามารถเข้ากับยุคสมัยให้ได้มากขึ้นแต่ยังคงความเป็นตัวตนของตัวเองไว้อยู่อย่างที่วง Clash ได้สร้างผลงานในครั้งนี้
|