1ตลอดเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ฉันได้เทียบเชิญจากกอล์ฟ-นลธวัช มะชัย แห่งกลุ่มลานยิ้มการละคร ไปชมการแสดงที่ต้องการแสดงออกถึงการคุกคามศิลปิน ในกรณีที่รามิล-วิธญา คลังนิล หนึ่งในสมาชิกกลุ่มฯ ถูกจับจากการสำรอก (อ่าน) บทกวีในกิจกรรมแฟลชม๊อบ #คนเชียงใหม่จะไม่ทนtoo เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ณ ประตูท่าแพ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยามค่ำคืนหน้าโรงอาหาร อมช. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฉันมาชมการแสดงตามคำเชิญ ทุกโชว์ต่างทำงานในแบบของตัวเอง นักแสดงทุกคนต่างมีสารที่ต้องการบอกกล่าวผ่านท่วงท่าที่ขยับขยาย หรือการแสดงที่พวกเขาสื่อสารออกมา รามิลเดินออกมาด้วยผ้าที่คลุมกาย เบื้องหน้ามีของประกอบฉากที่เตรียมไว้ การแสดงของเขาเริ่มต้นขึ้นด้วยการกระโดดไปมาแบบไม่มีจังหวะพร้อมเสียงหายใจที่ดังก้อง เขากระโดดไปเรื่อยๆ จนผ้าดิบที่ห่มคลุมร่างกายหลุดออกจากร่าง ร่างกายของเขามีแค่ชั้นในสีเนื้อปกคลุม เขาเดินไปที่เทียนที่จัดเรียงไว้ นั่งลงแล้วจุดบุหรี่ดูด เข้าใจว่าผิดกฎหมายสูบบุหรี่ในสถานศึกษา-แต่หยวนๆ ให้เขาหน่อยแล้วกัน มันเป็นการแสดง บุหรี่หมดมวน เขาจุดเทียนรอบตัว ก่อนจะหยิบเทียนจำนวนหนึ่งขึ้นมาถือ เขาปล่อยให้เทียนหลอมละลายลงบนมือของเขา เทียนที่ไหลลงมือเขามันร้อนน่าดู แต่การแสดงยังดำเนินต่อ เขาสื่อสารทุกอย่างผ่านร่างกายและสีหน้า ฉันไม่รู้ว่าเขารู้สึกอะไร ฉันกวาดตาดูโชว์อื่นไปด้วย หันกลับมาอีกที ฉันเห็นว่าเขาเริ่มตบหน้าตัวเอง ฉันละสายตาอีกครั้ง จนฉันจำไม่ได้ว่าโชว์จบแบบไหน รู้ตัวอีกที เขาอยู่ในชุดนักศึกษาที่ไม่ได้ถูกระเบียบมากนัก เราคุยกัน-ฉันชื่นชมการแสดงของเขา ก่อนจะบอกลากัน ฉันไม่เข้าใจว่าโชว์นี้มันหมายถึงอะไร และมันเป็นคำถามที่ติดในหัวของฉัน จนถึงโมงยามแห่งการเข้านอน
2ถ้าคุณได้ชมสารคดี Extended Scene ที่เราสัมภาษณ์กอล์ฟไป กอล์ฟบอกเสมอว่า Performance Art คือพื้นที่แห่งการตีความที่ไม่มีถูก ไม่มีผิด คืนวันอาทิตย์ก่อนหน้าที่ประตูท่าแพ หลังจากที่น้องผู้หญิงคนหนึ่งแสดงเสร็จ มีชายคนหนึ่งในชุดกันฝนที่ชมการแสดงของเธอพร้อมถ่ายรูปและคลิปเก็บไว้เดินเข้าไปหาเธอทันที ฉันที่สังเกตการณ์ห่างๆ พอจะเดาได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่สักคนที่ได้มาตามภาระหน้าที่ๆ มอบหมาย ไม่ผิดจากที่เดา-ฉันถามกับเธอเพื่อความแน่ใจ คำถามที่เขาถามเธอคือ “การแสดงนี้ต้องการจะสื่อถึงรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจหรือไม่” เธอตอบเขาแค่ว่า “แล้วแต่พี่จะตีความค่ะ” ฉันตีความงานของเธอแบบไหน ก็คงจะได้คำตอบแบบเดียวกับที่กอล์ฟพูดกับฉันเสมอมาว่า “คำตอบเป็นพลวัต เฉลยไม่มีอยู่จริง” แต่ฉันยังต้องการทรรศนะจากผู้แสดงเพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น ฉันจึงทักกล่องข้อความของรามิลเพื่อขอแนวคิดจากโชว์นี้มา แรกสุดฉันต้องการมันเพื่อประกอบการเขียนบทบรรณาธิการชิ้นนี้ แต่เมื่อเขาตอบคำถามของฉัน มันจึงสะท้อนกลับไปในตัวงานที่เขาแสดงออกมา ห้วงความคิดที่ฉันตีความมันมีแค่ว่า แสงเทียนที่เขาถืออยู่คงเป็นแสงแห่งการแสดงออก เมื่อใครสักคนถือมัน น้ำตาเทียนที่ไหลลงมือของเขา ปฏิกิริยาร้อนรนจากน้ำตาเทียนคงเปรียบดังความโมโหโกรธาที่เขาได้รับ เมื่อได้ยินความเห็นนั้น คำเฉลยของการแสดงอยู่ในกล่องข้อความของฉัน ซึ่งฉันขอไม่เอามาบอก เพราะก็คงอย่างที่กอล์ฟและนักแสดงคนนั้นบอก-มันคือพื้นที่ของการตีความ
3Behind The Scene เปิดตัวบนเฟซบุ๊คมาได้หนึ่งเดือนเศษ และเรามีหน้าเว็บไซต์ที่ดำเนินงานมาได้เกือบสองสัปดาห์ ถึงแม้ว่าแนวทางเราจะชัดเจนและเนื้อหาเราจะคลอบคลุมทุกเรื่องเบื้องหลังเท่าที่เราจะนึกออก แต่น้องในทีมคนหนึ่งอยากลองทำอะไรสนุกๆ มากขึ้น และการทำงานรูปแบบใหม่นี้ จะช่วยให้กองบรรณาธิการทำงานง่ายขึ้น จึงเป็นไอเดียของการทำคอนเทนต์แบบ “รายปักษ์” ฉันเรียกมันแบบเข้าท่ามากขึ้นว่า Cover Story หรือว่า “เรื่องจากปก” แต่เพราะเราไม่มีปกหนังสือแบบใครเขา เราก็ใช้ปกในเพจเฟซบุ๊คของเรานี่แหละ ไม่ใช่เพราะกระแสสังคม ไม่ใช่กระแสหน้าฟีด แต่เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน Cover Story ชิ้นแรก เราจึงจะพูดถึงเรื่องการเมือง ย้อนกลับไปในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แฮชแท็กที่ถูกพูดถึงและกลายเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนทางความคิดของคนรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่คือ #ถ้าการเมืองดี เราเห็นการแสดงความคิดเห็นด้วยโจทย์ง่ายๆ ว่าถ้าการเมืองดี อะไรในประเทศจะดีตามบ้าง ฉันสนุกกับการอ่านไทม์ไลน์ของแท็กนี้จนลืมเวลา จนเงยหน้ามองโลกความจริ และต้องยอมรับว่า การเมืองมันไม่ดีจริงๆ เราต่างสะเทีอนใจกับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของนักกิจกรรม การจับกุมศิลปินเพลงแรปต่อหน้าต่อตาครอบครัวและลูกน้อย การตามล่าหาเด็ก 3 ขวบที่ชูสามนิ้วลงเฟซบุ๊ค หรือท้อถอยใจกับการใช้เงินของรัฐบาลในโมงยามวิกฤตจากโรคร้าย ไม่นับเรื่องเก่าๆ ที่เราเห็นมานักต่อนัก คงยิ่งตอกย้ำแล้วว่า การเมืองมันไม่ดีจริงๆ นอกจากการเคลื่อนไหวที่คุณเห็นผ่านตาหรือเข้าร่วมมา เนื้อหาในปักษ์นี้จะพูดถึงมิติทางสังคมอีกหลายแง่ที่คนในสังคมต่างมีประสบการณ์ชุดเดียวกัน และเห็นพ้องต้องกันว่า สิ่งเหล่านั้นที่ผู้คนเผชิญอยู่จะดีขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าการเมืองดี นอกจากนี้ เรายังมีเรื่องนอกปักษ์ที่เล่าเรื่องเบื้องหลังชวนขบคิดและนำพาแรงบันดาลใจดีๆ สู่คุณเหมือนเดิม ในฐานะบรรณาธิการบริหารจึงขอยืนยันว่า Behind The Scene ปักษ์แรก คงจะมีเนื้อหาที่ครบตรงใจไม่ว่าจะในมิติไหนก็ตาม
4อีกหนึ่งเรื่องที่อยากพูดในฐานะสื่อมวลชนคือ การทำงานของสื่อมวลชนในโมงยามนี้ เราคงไม่พูดมากว่าสื่อที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจมีเหลืออยู่กี่เจ้า แต่ในฐานะสื่อน้องใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำหน้าที่ของตนได้ไม่นาน คงขอแสดงจุดยืนผ่านการตีความโชว์ของรามิลว่า ถ้าแสงเทียนของโชว์จากรามิลแทนเสียงของประชาชนในฐานะแสดงออก อย่าปล่อยให้แสงเทียนแห่งการแสดงความคิดเห็นถูกดับไปด้วยการเป่าลมปาก แต่จงส่งแสงนี้ต่อไปให้สว่างที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ถึงตอนนั้น แสงเทียนแห่งการแสดงออกคงสว่างพอ และไม่มีลมปากไหนเป่าดับอีกแล้ว |
Related Posts
ทุกการตัดสินใจมีราคาที่ต้องจ่าย แต่ผลตอบแทนจะคุ้มค่าเสมอ: สุรพันธ์ แสงสุวรรณ์
1 ช่วงต้นปีก่อนที่ฉันจะทำ Behind The Scene ฉันเอาตัวเองเข้าไปเป็นผู้จัดการและฝ่ายดูแลศิลปินของวงไอดอลวงหนึ่ง โดยเนื้องานคือการดูแลภาพลักษณ์ของวง ประสานงานสื่อมวลชนรวมถึงคู่ค้าและลูกค้าที่เกี่ยวข้องกัน เป็นการทำงานที่ท้าทาย ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และคอนเนคฉันมากมายกว่าที่คาดจากการทำงานนี้ รวมทั้งความผูกพันระหว่างเด็กสาวที่เข้ามาทำตามความฝันและทีมงานทั้งหลายก่อตัวขึ้นมา กับทีมงานกลุ่มนั้น เราผ่านอุปสรรคและบททดสอบมากมายจนเรากลายเป็นเพื่อน-พี่-น้อง ที่ร่วมเป็นตายกัน และมีตัวตนในชีวิตของกันและกันจนถึงวันนี้ แต่น่าเสียดายที่ฉันอยู่ได้ไม่นาน เพราะปัญหาภายในบางประการที่ถูกพูดถึงไปบ้างแล้วในกลุ่มแฟนคลับ และขยะใต้พรมอีกมากที่ยังไม่ถูกเก็บกวาด ทำให้ฉันและทีมงานชุดนั้นเกือบทั้งทีม ต้องพ้นความเกี่ยวข้องเหล่านั้นไป ดีแล้วแหละที่อยู่ไม่นานไปกว่านั้น ช่วงเดือนสองเดือนให้หลังมานี้ น้องๆ วงนั้นประกาศสิ้นสุดบทบาทในจำนวนที่มากอย่างมีนัยยะสำคัญ ฉันไม่ได้ชี้นำว่าการออกจากวงในเวลาไล่เลี่ยกันนี้มันกำลังไปสู่อะไร โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินกัน สุดแล้วแต่จะตีความ แต่เอาเป็นว่ามีน้องในวงนั้นหนึ่งคน สองคน สามคน จนรวมๆ กันได้จำนวนหนึ่งติดต่อหาฉัน เพื่อแจ้งให้ฉันรับทราบว่า พวกเธอไม่ข้องเกี่ยวอะไรแล้ว ฉันก็ได้แต่อวยพรขอให้เธอโชคดี และทำให้พวกเธอมั่นใจว่า เธอยังเป็นน้องของฉันเสมอ ก่อนหน้านั้น น้องในวงคนหนึ่งโทรหาฉันเพื่อปรับทุกข์และปรึกษาถึงความยากเข็ญในวงการไอดอลไทย มันเป็นบทสนทนาความยาวหลักชั่วโมง ที่เธอจากปลายสายบอกว่า ทุกอย่างตอนนี้มันยากที่จะคาดเดาได้ว่า ทั้งอนาคตของเธอเอง ของวง และของวงการโดยองค์รวม มันจะไปในทิศทางไหน ฉันได้แต่บอกเธอว่า ถ้าเธอยังเชื่อในตัวเอง เชื่อในกำลังที่เธอจะดิ้นรนต่อสู้เพื่อทำตามฝัน หรือเชื่อในโชคชะตา ก็จงเดินต่อไปทั้งที่ยังสะบักสะบอมต่อการหกล้ม และแผลจำนวนมากบนร่างกายและจิตใจของเธอ เพราะอย่างน้อย ความพยายามที่เธอใช้อาจนำไปสู่อะไรสักอย่างที่เธอฝันและทัดทานไว้ว่ามันจะเกิดขึ้น […]