นี่เป็นปีแรกที่เวทีการประกวดสาวงามระดับประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างเวทีนางสาวไทย ใช้ฉากหลังในการจัดการประกวดเกือบทั้งหมดที่จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวไทยถือเป็นเวทีประกวดที่ทรงคุณค่าทั้งในการเป็นเวทีประกวดสาวงามแห่งที่สองของประเทศไทย ซึ่งผลิตบุคลากรสาวงามคุณภาพสู่สังคมและวงการบันเทิงมากมาย ทั้งอร-อรอนงค์ ปัญญาวงค์, บุ๋ม-ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, นุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์, หมอเจี๊ยบ-แพทย์หญิงลลนา ก้องธรนินทร์ หรือสาวงามปีล่าสุดที่คว้าตำแหน่งนางงามนานาชาติหรือ Miss International 2019 คนแรกของประเทศไทยมาครองอย่างบิ๊นท์-เภสัชกรหญิงสิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์ จากสโลแกนงามอย่างแตกต่างและมีคุณค่าที่ทำงานทันทีเมื่ออ่านเพียงครั้งเดียว ทำให้การคัดเลือกสาวงามในปีนี้เข้มข้นอย่างมีนัยยะสำคัญจนเราได้เห็น 30 สาวงามที่มีความสวยทั้งภาย-ภายนอกต่างกันไป รวมถึงเรื่องราวที่น่าสนใจและเหตุผลที่หลากหลายในการขึ้นประกวดในปีนี้ และเพราะปีนี้สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ได้มอบสิทธิ์การจัดประกวดในปีนี้ให้กับทีมผู้จัดงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ที่การันตีด้วยฝีมือการจัดงานอีเวนต์สำคัญๆ ในภาคเหนือกว่า 16 ปีอย่างบริษัทเอ็มกรุ๊ป ออร์แกไนซ์ แอนด์ มีเดีย จำกัด ทำให้เราได้บัตรผ่านหลังเวทีเพื่อถอดเบื้องหลังของการประกวดนางสาวไทยในปีนี้ ซึ่งมีคุณหนุ่ม-ดร.อดิศร สุดดี ประธานกรรมการบริษัทฯ ที่นั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการกองประกวด รอนั่งสนทนากับเราถึงเบื้องหลังทั้งหมด ก่อนที่เวทีนางสาวไทยจะได้ผู้ชนะคนใหม่ที่งามอย่างแตกต่างและมีคุณค่า สมกับคำขวัญของงานในวันพรุ่งนี้
นัก (จัด) กิจกรรมเราเดินทางมาที่ออฟฟิศของเอ็มกรุ๊ปฯ ตามเวลานัดหมาย คุณหนุ่มออกมาต้อนรับเราหลังจากประชุมเตรียมงานนางสาวไทยเสร็จพอดี ย้อนกลับไปราว 20 ปีที่แล้วเมื่อครั้งคุณหนุ่มยังเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยและเป็นหนึ่งในนักกิจกรรมตัวยงที่เขามีส่วนร่วมในงานสำคัญๆ เสมอ แต่ในยุคนั้นจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่รู้จักอาชีพอีเวนต์ ออร์กาไนเซอร์ หรือนักจัดอีเวนต์มาก่อน “เมื่อก่อนการจัดอีเวนต์ไม่มีเป็นบริษัทใหญ่ๆ จะเป็นการรู้กันในวงการว่าใครดูแลงานตรงไหนบ้าง งานอีเวนต์สมัยก่อนก็จะจัดกันตามสถานบันเทิงต่างๆ แต่ปัจจุบันก็จะเป็นการส่งเสริมการขาย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ของภาคเอกชนเป็นหลัก แต่ตอนนี้มีบริษัทเยอะขึ้น หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานภายในก็จะจัดงานอีเวนต์ซึ่งมันแตกต่างในเรื่องความหลากหลายของลูกค้าที่มีความต้องการซื้อมากขึ้น ตลาดของออร์แกไนซ์ก็โตตามไปด้วย” คุณหนุ่มเริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการจัดอีเวนต์ให้ฉันฟัง จนถึงที่คุณหนุ่มตัดสินใจเริ่มกิจการรับจัดงานอีเวนต์อย่างเป็นกิจจะลักษณะอย่างเอ็มกรุ๊ป ออร์แกไนซ์ แอนด์ มีเดีย ที่รับดูแลการจัดกิจกรรมงานอีเวนต์และสื่อครบวงจรแบบ One Stop Service ซึ่งมีฐานการผลิตหลักคิดเป็น 50 เปอร์เซนต์อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นการจัดงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และกระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่าเอ็มกรุ๊ปฯ เคยรับงานอีเวนต์แน่นมากตลอดทั้งปีแบบชนิดที่ว่าแทบไม่มีเวลาหายใจ “แต่เราไม่ได้ขยับไปไกลมาก เพราะส่วนหนึ่งเราชำนาญงานอยู่ในพื้นที่ๆ เรารับผิดชอบอยู่ ก็คือจังหวัดเชียงใหม่ แต่ถ้าลูกค้าขอให้ไปตามพื้นที่ต่างๆ เราก็จะไปตามเนื้องานที่ได้รับมอบหมายในการจัดงานในแต่ละครั้ง” คุณหนุ่มอธิบายเพิ่มเติมถึงขอบข่ายงานของเอ็มกรุ๊ปฯ
เมื่อออร์กาไนเซอร์ต้องปรับตัวถึงแม้วงการอีเวนต์จะคึกคักขนาดไหน เมื่อเชื้อโควิด-19 เล่นงาน วงการอีเวนต์คือหนึ่งในธุรกิจที่เจ็บหนักที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การขายของสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงการลดต้นทุนในการประชาสัมพันธ์ผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งเน้นการจัดอีเวนต์ให้น้อยครั้งที่สุด หรือผู้ประกอบการก็จะเลือกใช้การประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายกว่า “งานสุดท้ายที่พี่จัดคืองานไม้ดอกไม้ประดับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นเมืองก็ล็อคดาวน์และปรับนโยบายตามหลายๆ บริษัท จนเรากลับมาทำงานได้อีกครั้งช่วงกลางๆ ปีที่มีการวางแผนต่อเนื่องที่หน่วยงานราชการกลับมาจัดประกวดราคาบางส่วนและดำเนินงานส่วนที่เริ่มดำเนินงานต่อ” เพราะช่วงเวลาการปิดเมือง การประกาศเคอร์ฟิว และการรณรงค์งดออกจากบ้านเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 จากอุปสรรคเหล่านี้ทำให้คุณหนุ่มเลือกจะเปลี่ยนกลยุทธ์และเริ่มธุรกิจใหม่นั่นคือ ธุรกิจความงามโดยการผลิตเครื่องสำอางค์ “ธุรกิจของพี่คือการจัดอีเวนต์ แต่งานอีเวนต์ส่วนหนึ่งที่พี่จัดคือ Beauty Content ก็คือการประกวดสาวงามที่เราจัดและคุ้นเคยมานาน ดังนั้นฐานลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อยู่แล้ว เมื่อเจอปัญหาโควิดและประกอบกับเราคุ้นเคยกับการทำ Beauty Content ซึ่งเป็นธุรกิจที่มาร่วมและส่งเสริมภาพลักษณ์ซึ่งกันและกัน” คุณหนุ่มอธิบายถึงที่มาของการทำธุรกิจเครื่องสำอางค์ การปรับตัวเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจนี้เกิดขึ้น เมื่อการเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้นกลายเป็นช่องทางที่ไม่เพียงแต่ผนวกให้การจัดงานอีเวนต์ของคุณหนุ่มมีประสิทธิภาพ แต่ยังสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นที่จดจำและเกิดการรับรู้ของลูกค้าได้เช่นกัน
เอ็มกรุ๊ปฯ และ 2 ทศวรรษ นางสาวเชียงใหม่สำหรับชาวเชียงใหม่และแฟนนางงามคงจะคุ้นเคยกับเวทีประกวดนางงามท้องถิ่นอย่างนางสาวเชียงใหม่ ที่จัดทุกปีในงานฤดูหนาวและงาน OTOP ของดีเชียงใหม่ ซึ่งรู้หรือไม่ว่าเวทีนางสาวเชียงใหม่นี้ คุณหนุ่มและเอ็มกรุ๊ปฯ ผูกปิ่นโตจัดงานมาตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งนับรวมๆ ก็ 20 ปีเข้าไปแล้ว! “จริงๆ แล้วทุกจังหวัดมีเวทีการประกวดเป็นของตัวเองหมดเลยนะ อย่างลำพูนก็มีเวทีนางสาวลำพูนที่จัดมาเกือบ 70 ปีแล้ว หรือนางสาวแพร่ นางสาวน่าน เพียงแต่ว่าเวทีนั้นๆ ไม่มีคนจัดประกวดต่อ หรือการพัฒนารูปแบบให้เกิดขึ้น ซึ่งนางสาวเชียงใหม่เป็นเหมือนขนบและประเพณีของคนเชียงใหม่ แต่เราก็ต้องมีการพัฒนาและเปลี่ยนรูปแบบให้มันเป็นสาวสมัยใหม่มากขึ้น” คุณหนุ่มยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ได้รับโอกาสเข้ามาจัดประกวดนางสาวเชียงใหม่เช่น การปรับคอนเซปต์ของเวทีให้มีความกระชับกับช่วงเวลาและความร่วมสมัยในหลายช่วงเวลา เพราะนางสาวเชียงใหม่จะถูกต่อยอดไปสู่การประกวดสาวงามบนเวทีระดับประเทศอยู่แล้ว “เมื่อเวทีนางงามระดับประเทศมีการปรับรูปแบบการประกวดให้มีทิศทางไปสู่ความร่วมสมัยหรือสาวทันสมัยมากขึ้น เราก็ต้องปรับรูปแบบแต่ยังมีความเป็นสาวเหนือแบบเราอยู่คือพูดภาษาเหนือ ยิ้มแบบเหนือ เป็นสาวหวานแบบเหนือ แต่ก็ต้องมีความเป็นร่วมสมัยและเป็นสากลในตัวของนางสาวเชียงใหม่ปีนั้นๆ” คุณหนุ่มขยายความ จากแฟนนางงามสู่ผู้จัดประกวดนางงาม“ภาพจำของเวทีนางสาวไทยในสายตาของคุณเป็นอย่างไร” ฉันถาม “พี่ติดตามเวทีนางสาวไทยมานานมาแล้ว ประกอบกับพี่มีคนที่รู้จักกันเป็นพี่เลี้ยงที่ส่งนางงามเข้าประกวดอยู่แล้ว ซึ่งพี่มองว่านางสาวไทยเป็นเวทีแห่งตำนานที่สร้างคุณค่าให้แก่ผู้หญิงที่ต่อยอดในสายอาชีพต่างๆ หรือในการส่งต่อไปประกวดเวทีไหนๆ ในระดับโลก มันเลยเป็นความตั้งใจของพี่ที่สักครั้งในชีวิตอยากมีส่วนร่วมในการจัดประกวดให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นรากเหง้าของการเป็นนางสาวไทยแบบดั้งเดิมที่สง่างามแบบสาวไทยอยู่” อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คุณหนุ่มอยากจัดประกวดนางสาวไทยสักครั้ง เกิดจากการที่กิ๊ฟท์-กฤชกร หอมบุญญาศักดิ์ นางสาวเชียงใหม่ปี 2553 ได้รับตำแหน่งนางสาวไทยในปีเดียวกัน ประกอบกับช่วงนั้นคุณหนุ่มอยากท้าทายตัวเองในการจัดการประกวดในขนาดที่ใหญ่ขึ้น ถึงแม้ว่าสิทธิ์ในการจัดประกวดนางสาวไทยจะยังอยู่ในมือผู้จัดประกวดรายอื่น ความฝันนั้นของคุณหนุ่มยังคงอยู่มาตลอด จนถึงการประกวดนางสาวไทย 2562 เอ็มกรุ๊ปฯ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมจัดประกวดในรอบตัดสินจนได้ผู้ชนะคือบิ๊นท์-สิริธร คุณหนุ่มและเอ็มกรุ๊ปฯ จึงได้รับสิทธิ์การจัดประกวดจากสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เมื่อฝันของคุณหนุ่มเป็นจริงแล้ว เขารู้สึกอย่างไร “เชื่อมั้ยว่าบริษัทอีเวนต์ในเชียงใหม่หลายๆ ที่ยังไม่กล้าคิดถึงขนาดนี้เลยนะ เพราะว่ามันเสี่ยงมากจากที่เราเจอโควิด-19 ถ้าเราไม่รักจริง ไม่ชอบจริง ไม่บ้านางงาม หรือผูกพันในการจัดงานประกวดมันอยู่ในสายเลือดก็คงเริ่มถอยแล้ว แต่เพราะเราจัดงานแล้วความสุขมันมาไง” คุณหนุ่มตอบคำถามของฉันพร้อมรอยยิ้ม
การจัดประกวดนางงาม คืออีเวนต์ละเอียดอ่อน“การจัดประกวดนางงามมีรายละเอียดเยอะมาก” นี่คือสิ่งที่คุณหนุ่มบอกฉันตลอดบทสนทนา เพราะการจัดประกวดสักครั้งไม่ว่าจะเวทีเล็กหรือใหญ่ย่อมมีอุปสรรคและปัญหาเกิดเสมอๆ หนึ่ง-การหาสปอนเซอร์เพื่อคลอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ได้มากที่สุด สอง-การเฟ้นหาบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานในกองประกวด ซึ่งเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรบุคคลในองค์กรให้พร้อมรับกับงานอื่นๆ ที่จะเข้ามาคู่ขนานกับการจัดประกวดให้เกิดความสมดุลในการบริหารงาน สาม-สิ่งนี้สำคัญที่สุด คือการใช้ประสบการณ์จากการจัดประกวดเวทีในท้องถิ่นเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ที่พอคาดเดาและมองหาลู่ทางสู่การแก้ปัญหาได้ หรือสถานการณ์เฉพาะหน้าที่จะเกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาการประกวดราว 2-3 เดือนข้างหน้า “รูปแบบการประกวดนางงามมันคล้ายๆ กันหมด แต่ว่าแนวคิดหรือธีมงานต่างหากที่มีความแตกต่าง เพราะว่ามันจะว้าวหรือไม่ ต่อให้เราเก็บตัวมาดีแค่ไหน แต่มาถึงรอบไฟนอลถ้าทำออกมาไม่ดี มันจะเป็นส่วนที่ลบภาพความดีทุกอย่างที่สร้างมาตั้งแต่ต้น” คุณหนุ่มขยายความ เพราะฐานผู้ติดตามนางงามเปลี่ยนและวิธีการติดตามการประกวดเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิมมาก เป้าหนึ่งที่คุณหนุ่มและทีมผู้จัดมองเห็นคือ จะทำอย่างไรให้เมื่อผู้เข้าประกวดแต่ละคนแสดงศักยภาพออกมาแล้วกินใจหรือประทับใจผู้ชมที่เป็นแฟนนางงามและผู้ที่ไม่เคยติดตามการประกวดมาก่อน “เพราะนางงามต้องเป็นกระบอกเสียงที่เมื่อพูดอะไรจะโดนใจคน ฟังแล้วคล้อยตาม จึงได้มีรูปแบบการประกวดที่ไม่ได้สวยแต่ภายนอก เพื่อจะได้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายหลายๆ กลุ่ม” คุณหนุ่มกล่าวถึงความละเอียดอ่อนของการจัดประกวดสาวงาม
งามอย่างแตกต่างและมีคุณค่านางสาวไทยคือเวทีการประกวดนางงามเวทีสุดท้ายที่จัดในปี 2563 การจัดประกวดเป็นเวทีสุดท้ายของปีจึงเป็นโจทย์ที่ยากที่สุด เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเวทีประกวดหลายๆ แห่งต่างปล่อยของและคัดสาวงามเพื่อดึงดูดผู้ชมและผู้ติดตามให้สนใจในการประกวดบนเวทีนั้นๆ จึงเป็นโจทย์ที่ยากมากๆ ของเวทีนางสาวไทยในปีนี้ “ต้องยอมรับว่าเวทีอื่นๆ ปล่อยของกันไปหมดแล้ว แต่การปล่อยของจนสุดเป็นผลดีมั้ย มันมองได้สองแบบว่า ถ้าเราทำเหมือนเขามันก็จะซ้ำ แต่ถ้าบางอย่างที่เราทำแล้วแตกต่าง มันก็เกิดการเปรียบเทียบ เราต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถทำให้ทุกคนพึงพอใจได้ ให้แฮปปี้ทุกคนได้ยาก แต่ว่าเราจะทำอย่างไรที่จะทำให้เวทีที่เราได้รับมอบสิทธิ์ในการจัดประกวดออกมาได้ดีที่สุดในเวลาและสภาวะแบบนี้” ถึงตอนนี้การเก็บตัว และการประกวดรอบย่อยทั้งรอบชุดว่ายน้ำหรือรอบขวัญใจเชียงใหม่จะผ่านไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เวทีนางสาวไทยต้องการ คือผู้เข้าประกวดที่ครบเครื่องและต้องเป็นกระบอกเสียงได้ผ่านองค์ประกอบคือ ต้องมีความสวยรวมถึงพลังงานในการสื่อสารให้ออกมาน่าสนใจ น่าค้นหาและอยากฟังในสิ่งที่เธอพูดและส่งพลังให้กับผู้ชม คงเป็นนิยามของคำว่างามอย่างแตกต่างและมีคุณค่า อย่างที่เวทีนางสาวไทยยึดถือเสมอมา
ภาพประกอบ: กองประกวดนางสาวไทย 2563
|
Related Posts
การฉายหนังครั้งสุดท้ายของ “พะเยารามา” โรงหนังที่เต็มไปด้วยความทรงจำของคนพะเยา
ยังจำเรื่องราววันที่ไปโรงหนังครั้งแรกได้มั้ย? สำหรับตัวเรา มันเป็นวันที่คุณพ่อได้จูงมือไปดูภาพยนตร์เรื่องก้านกล้วย ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องดัง ณ ขณะนั้น วันนั้นจำได้ว่าที่นั่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย หลายคนก็ไปพร้อมกับครอบครัว และอีกหลายคนก็ไปกับเพื่อนฝูง ผู้คนจูงมือกันเพื่อที่จะรับความบันเทิงจากจอยักษ์ที่มีขนาดใหญ่มากกว่าโทรทัศน์ และออกไปด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นช้างตัวสีฟ้า เคลื่อนไหวอยู่ในจอยักษ์ นับว่าเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีมากในวัยเด็กของตัวเรา ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การเข้าถึงสื่อบันเทิงต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ผู้คนเลือกที่จะรับชมภาพยนตร์ที่โรงฯ น้อยลง จนในที่สุดโรงหนังแห่งนี้ก็ถูกปิดตัวลงไป เป็นการปิดตำนานโรงหนังแห่งสุดท้ายของจังหวัดพะเยา และใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะได้มีโรงหนังแบบมัลติเพล็กซ์แห่งแรกของจังหวัดพะเยาเปิดให้บริการ หลังจากปิดทำการ โรงหนังพะเยารามา ก็ถูกปล่อยร้างทิ้งไว้กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าให้เด็กรุ่นใหม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศโรงหนังในรุ่นก่อน เราเองก็เป็นหนึ่งในคนที่มีความทรงจำมากมายกับที่นี่ เมื่อรู้ข่าวการปิดตัวก็ทำให้รู้สึกเศร้าและเสียดายที่จะไม่มีโรงหนังให้เราและเพื่อนได้มาดูแล้ว บทสรุปของที่แห่งนี้คือจะถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นอาคารสำนักงาน เป็นอันปิดตำนานโรงหนังที่รวมเรื่องราวและความทรงจำของชาวพะเยา แต่แล้ววันหนึ่งขณะกำลังเลื่อนหน้าฟีดเฟสบุ๊ค ก็มีกิจกรรมหนึ่งปรากฎขึ้นชื่อว่า Phayaorama ซึ่งเป็นโปรเจคต์ที่ว่าด้วยเหล่าคนรุ่นใหม่ในจังหวัดแห่งนี้ได้จัดกิจกรรมส่งท้ายก่อนที่จะลาพะเยารามาจากกันอย่างถาวร เราอยู่ที่พะเยารามาตามนัดหมายกับอาจารย์ปวินท์ ระมิงค์วงศ์ แห่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ผู้เริ่มต้นโปรเจ็คนี้ “ตรงนี้จะเป็นส่วนของล็อบบี้ จะมี 2 ส่วนคือพิพิธภัณฑ์หนังกลางแปลง ซึ่งมีเรื่องราวของหนังไทยและก็มีเครื่องฉายหนังมาจัดเป็นพร็อพให้มีเรื่องราวเป็นของหนังกลางแปลง และก็จะมีงานของนักศึกษาในวิชาศิลปะชุมชน เป็นพาร์ทของการถ่ายสัมภาษณ์ โดยเป็นบทสัมภาษณ์ที่ได้ลงพื้นที่ไปคุยกับชุมชนเกี่ยวกับพะเยารามา” อาจารย์ปวินท์เล่าให้เราฟังถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในงานขณะที่พาเดินชมรอบ ณ ที่แห่งนี้ โรงหนังที่เต็มไปด้วยความทรงจำของชาวพะเยา Phayaorama อาจารย์ช่วยเล่าเรื่องของโรงหนังแห่งนี้ให้เราหน่อยได้มั้ยครับ ว่ามีประวัติความเป็นมาเป็นยังไง ? ณ ตอนนี้เรารู้แค่ว่าที่นี่ฉายหนังครั้งแรกเมื่อปี […]
ปวรปรัชญ์ จันทร์สุภาเสน
January 11, 2021หลวงอนุสารสุนทรกิจ ช่างภาพเล่าเรื่องวิถีชีวิตอดีตเมืองเชียงใหม่
หลวงอนุสารสุนทรกิจ นามเดิม สุ่นฮี้ ชัวย่งเสง เกิดเมื่อ เดือน 12 ปีเถอะ ตรงกับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2410 ณ บ้านทุ่งกู่ช้าง นครลำพูน มณฑลพายัพ ปัจจุจันคือ หมู่บ้านไก่แก้ว ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ของนายต้อย แซ่ฉั่ว กับ นางแว่น จากการให้ข้อมูลจากคุณสมยศ นิมมานเหมินท์ คุณจุมพล ชุติมา และคุณเนห์ นิมมานเหมินท์ หลวงอนุสารสุนทร ท่านเป็นคนที่รักที่จะไฝ่รู้ไฝ่เรียน ชอบทดลอง ตอนอายุ 10 ขวบ ก็สามารถปลุกพืชผักสวนครัวไว้กินเองได้ ในช่วงอายุ 12 ปี มารดาของหลวงอนุสารสุนทรถึงแก่กรรม ช่วงระยะเวลาที่ท่านและพี่น้อง อยู่กับบิดาจึงเกิดแรงบันดาลใจชอบในการค้าขายมากขึ้น เพราะหลวงอนุสารสุนทรท่านได้พบกับหญิงชราคนหนึ่ง ซึ่งยากจนมากแบบที่เรียกว่าไม่มีอันจะกิน ต้องเทียวขอน้ำแกงเปล่าๆ จากชาวบ้าน เมื่อได้มาก็เอาข้าวเหนียวจิ้มกินจนอิ่ม ประทังชีวิตไปเป็นมื้อๆ แต่ทั้งๆ […]