ความเจ็บปวดของการเติบโต: เด็กจบใหม่ก็เจ็บได้เมื่อความเปลี่ยนแปลงทางสังคมโบยตีพวกเขา

เพราะเหตุใดการเติบโตจึงเจ็บปวด?

สิ่งหนึ่งที่เด็กน้อยหลายๆ คนมีความฝันร่วมกันคือ การได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ไวๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่คนเป็นผู้ใหญ่กว่ากำหนด หรือเพื่อจะได้ทำงานและหาเงินด้วยตนเองได้ไวๆ จะได้นำเงินมาซื้อทุกสิ่งที่ตนต้องการโดยไม่ต้องแบมือขอใคร

หารู้ไม่ว่ายิ่งเติบโต ยิ่งต้องรับผิดชอบ ยิ่งเจ็บปวด

ผมได้นัดเจอกับรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง หลังจากไม่ได้นั่งคุยเรื่องชีวิตกันดีๆ มาสักระยะ โดยขอเรียกน้องคนนี้สั้น ๆ ว่าไอซ์

ไอซ์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในปี 2556 ก่อนการรัฐประหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และจบการศึกษาในปี 2560 แน่นอนว่าความเคว้งคว้างหลังการเรียนจบแล้วต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยตนเองนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาจบใหม่แทบทุกคน ไอซ์จึงใช้เวลาพัก 1 เดือนเพื่อคิดไตร่ตรองชีวิตและรวบรวมสติเพื่อสู้ต่อไป

ความเจ็บปวดที่ชาวเชียงใหม่ทราบกันดีก็คือ ฐานเงินเดือนสำหรับการใช้ชีวิตในจังหวัดเชียงใหม่นั้นค่อนข้างต่ำหากเทียบกับกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่ค่าครองชีพแทบไม่ต่างกันมาก เมื่อหางานที่ยังชอบไม่ได้ ไอซ์จึงเลือกเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สต็อกของร้านขายปลีกขนาดใหญ่ร้านหนึ่ง แต่ก็ทำได้เพียงสามวันก็ได้ขอลาออกจากงาน เนื่องจากรู้สึกว่างานหนักเกินไปทั้งภาระงานและผลต่อร่างกายในระยะยาว 

ไอซ์เริ่มต้นงานที่ 2 ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เขาทำงานนี้ได้เพียง 6 เดือนก็ลาออก เนื่องจากรู้สึกเบื่อเพราะวันๆ แทบไม่ได้ทำอะไร รู้เขาสึกเหมือนนั่งหายใจทิ้งเพื่อและเงินเดือนในแต่ละเดือน ประกอบการสามารถสอบเข้าไปรษณีย์ไทยได้ จึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อเริ่มต้นต่อสู้ใหม่อีกครั้ง

ก่อนที่จะเริ่มเป็นพนักงานไปรษณีย์ ทุกคนต้องได้รับการเรียนในโรงเรียนไปรษณีย์ก่อนเป็นเวลาหนึ่งปี ที่แห่งนี้เองที่ไอซ์รู้สึกว่า สิ่งที่เรียนช่างต่างกับในมหาวิทยาลัยที่เคยเรียนมาเป็นอย่างยิ่ง ในมหาวิทยาลัยคุณสามารถตั้งคำถามในสิ่งที่เรียนได้ สามารถค้นคว้าหาความรู้อะไรได้ แต่ในสถาบันแห่งนี้ ไอซ์รู้สึกเหมือนโดนจำกัดกรอบทุกอย่าง เนื้อหาที่เรียนหลักๆ ก็คือการปลูกฝังให้รักองค์กรโดยแทบไม่ได้เรียนรู้เรื่องวิธีการทำงานเลย กว่าจะได้เรียนรู้จริงๆ ก็ช่วงฝึกงานและช่วงที่ต้องทำงานจริงๆ

สิ่งที่ไอซ์คาดหวังกับงานไปรษณีย์ก็คือ ความมั่นคงจากเงินเดือนที่ขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่ทำงาน โดยไม่ได้สนใจเรื่องสวัสดิการต่างๆ เนื่องจากไอซ์เชื่อว่าการทำประกันชีวิตกับบริษัทภายนอกจะมอบสิ่งที่ดีกว่า แต่แล้วหลังจากทำงานมาได้ 1 ปี 1 เดือน ไอซ์ก็ตัดสินยื่นเรื่องขอลาออก โดยต้องเสียเงินจำนวนเกือบหนึ่งแสนบาทเพื่อเป็นค่าปรับจากการเรียนในสถาบันแล้วขอลาออกก่อนทำงานครบ 3 ปี การลาออกครั้งนี้เกิดจากรู้สึกว่าฐานเงินเดือนโตช้า งานเป็นลักษณะ Routine ที่ต้องทำซ้ำๆ ทุกวัน โดยที่งานแบบนี้ใครทำก็ได้ รู้สึกเหมือนใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ 

เมื่อผมถามถึงสาเหตุที่ไอซ์กล้าเอาเงินแลก เขาได้กล่าวว่า

เงินอ่ะ มันหาเมื่อไหร่ก็ได้พี่ แต่เวลาผมหาเพิ่มไม่ได้แล้ว ผมไม่อยากใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ ผมอายุใกล้สามสิบขึ้นทุกวัน ๆ ถ้าผมปล่อยให้เวลายิ่งผ่านไปโอกาสหางานใหม่ผมยิ่งน้อยลง โอกาสที่จะได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ก็น้อยลงเรื่อย

ไอซ์ต้องการกลับมาใช้ชีวิตในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคงเป็นความต้องการของนักศึกษาที่เรียนจบจากเชียงใหม่หลายๆ คน เขามองว่าการใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ นั้น เงินเดือนเพียง 15,000 บาท ไม่เพียงพอแก่การมีชีวิตที่ดีได้ เมื่อหักค่าที่พักอาศัยและค่าเดินทางในแต่ละเดือนไปแล้วจะเหลือเงินค่ากินอยู่แค่พอประมาณ แทบไม่มีงบเหลือเพื่อนำไปพัฒนาตนเองในด้านอื่นๆ ในขณะเดียวกันการใช้ชีวิตในเชียงใหม่ที่มีบ้าน มีรถ พร้อมอยู่แล้วเงิน 15,000 บาท กลับทำให้ไอซ์มีชีวิตอยู่ในเชียงใหม่ได้ดีกว่า โดยไม่ต้องมาเหนื่อยกับการเดินทางในแต่ละวันเท่ากรุงเทพฯ ด้วย 

ไอซ์วางแผนเรื่องงานว่าอยากลองเริ่มต้นทำสิ่งที่ชอบเป็นอาชีพคือ การถ่ายภาพและการทำอาหาร เพราะเขาคิดว่าการได้ทำสิ่งที่ชอบทุกวันจะมีความสุข โดยเทียบกับสิ่งที่ต้องเจออยู่ทุกวันในขณะนี้ ผมตั้งคำถามกับไอซ์ว่า ถ้าหากวันหนึ่งเพราะการที่เรานำสิ่งที่เราชอบมาทำเป็นงาน มันทำให้เราเบื่อทั้งงานและหมดไฟในสิ่งที่ชอบไปด้วยจะทำอย่างไร?

ไอซ์มีความคิดเห็นว่าไอ้เรื่องทำแล้วหมดไฟหรือเจอจุดอิ่มตัวผมคิดว่าทุกงานต้องเจอเหมือนกันหมด ถ้าหมดไฟอย่างน้อยก็ถือว่าสิ่งนี้เราเลือกจะทำมันเอง ต้องลองสู้ดู ตอนแรกที่เราเริ่มทำอาจจะลำบากแต่ถ้างานของเรามันมีคุณค่าจริงๆ เอาจริงๆ ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรนะ แต่ผมเชื่อว่ามันจะดีกว่าที่ต้องทนทำสิ่งที่ไม่ชอบทุกวันแน่นอน

การต่อสู้ครั้งใหม่ของไอซ์จะเริ่มต้นในเดือนมีนาคม 2564 สุดท้ายนี้ไอซ์ฝากบอกแก่ทุกท่านที่กำลังต่อสู้อยู่ว่าให้สู้ต่อไป ขอให้ทุกท่านมีพลังและสติปัญญาที่เฉียบคมพร้อมเผชิญหน้ากับทุกปัญหาที่จะซัดกระแทกเข้ามาเหมือนเกลียวคลื่นของท้องทะเลลึก 

โดยหวังว่าทุกท่านจะได้พบความสุข ความสำเร็จในเร็ววัน

Contributors

รอย คุณะดิลก